มารู้จักกับโรคที่ระบบทางเดินอาหารหรืออวัยวะภายในว่ามีอะไรบ้าง?

Last updated: 23 ก.พ. 2567  |  910 จำนวนผู้เข้าชม  | 

มารู้จักกับโรคที่ระบบทางเดินอาหารหรืออวัยวะภายในว่ามีอะไรบ้าง?

กังวลว่าจะเป็นโรคร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหารทางโครงสร้างอวัยวะภายในโดยตรงมีอะไรบ้าง?
        โรคระบบทางเดินอาหารทางโครงสร้างคือโรคระบบทางเดินอาหาร ที่ทำให้คุณรู้สึกว่ามีความผิดปกติ มีอาการเจ็บปวด แน่น ท้องอืด อึดอัดไม่สบายท้องจนต้องเข้ารับการตรวจเช็คพบว่ามีอาการของโรคเหล่านี้ การรักษาอาจจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดออกตัวอย่างทั่วไปของโรคระบบทางเดินอาหารที่มีโครงสร้างได้แก่โรคกระเพาะอาหาร การตีบ การตันริดสีดวงทวาร โรคถุงผนังลำไส้ ติ่งเนื้อลำไส้ มะเร็งลำไส้และโรคลำไส้อักเสบ เป็นต้น
โรคที่ส่งผลกระทบทางโครงสร้างในระบบทางเดินอาหารโดยตรงมีอะไรบ้าง?
โรคกระเพาะอาหาร(Peptic Ulcer)
สาเหตุ  ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารคือ
  • ติดเชื้อแบคทีเรีย เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลโร ซึ่งติดต่อได้จากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ไม่สะอาดปนเปื้อนเชื้อโรคชนิดนี้ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารบางชนิดได้
  • เกิดจากยาแก้ปวดข้อปวดกระดูกรวมถึงยารักษาสิวอาจทำให้เป็นแผลในกระเพาะอาหารในหลอดอาหารจนอักเสบมากขึ้น
  • การสูบบุหรี่ดื่มเหล้าทำให้อัตราการเป็นแผลในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้นแผลหายช้าหรือเป็นเรื้อรังได้ง่าย ส่งผลตอบสนองต่อการรักษาตัวยาได้ไม่ดี
  • ภาวะเครียดรับประทานอาหารเผ็ดหรือไม่ตรงเวลา
  • ติดเชื้อทางเดินอาหารเช่นท้องเสียอาหารเป็นพิษ
อาการโรคกระเพาะอาหาร
จะมีอาการแสดงออกมาในลักษณะของการ ปวดจุกแน่นใต้ลิ้นปี่เหนือสะดือใต้ใช้โครงซ้ายบางรายปวดแน่นถึงหน้าอกอาการมักเป็นเป็นหายๆและสัมพันธ์กับมื้ออาหาร ก่อนทานอาหารในเวลาหิวหรือปวดหลังอาหารเวลาอิ่มอาการเหล่านี้จะดีขึ้นเมื่อได้รับประทานอาหารหากโลกนี้รุนแรงขึ้นอาจอาเจียนเป็นเลือดถ่ายอุจจาระสีดำหรือเบื่ออาหารน้ำหนักลด
การรักษาโรคกระเพาะอาหาร
 ถ้ามีอาการปวดท้องควรพบแพทย์ทันทีเช่น ถ่ายดำหรือ ถ่ายมีเลือดปน น้ำหนักตัวลด ตัวซีดเหลือง (ดีซ่าน)ปวดรุนแรงนานเป็นชั่วโมง มีอาเจียนรุนแรงติดต่อกัน หรือ อาเจียนปนเลือด เจ็บกลืนลำบาก มีประวัติครอบครัวป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารคำก้อนเนื้อในท้องได้หรือต่อมน้ำเหลืองโต
     หากผู้ป่วยมีอาการปวดจุกแน่นท้องจุกเสียดแสบท้องมานานเกินสองสัปดาห์สามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นได้คือรับประทานยาลดกรดในกระเพาะอาหารงดสูบบุหรี่ งดเหล้า งดอาหารรสเผ็ด รับประทานอาหารให้ตรงเวลา ออกกำลังกาย งดกินยาแก้ปวดข้อปวดกระดูก โดยไม่จำเป็น
        ถ้าอาการไม่ดี ขึ้นหลังปฏิบัติตามข้างต้นหรืออาการเป็นมานานกว่าหนึ่งเดือนจนถึงมีอาการเตือนที่สำคัญตั้งแต่ต้นจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยเพิ่มเติมเพื่อส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารว่ามีแผลหรือเนื้องอกและมะเร็งหรือไม่
 
 แนะนำผลิตภัณฑ์ช่วยลดกรดและเคลือบแผลในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการปวดท้อง เนื่องจากมีกรดมากในกระเพาะอาหาร แก้ท้องอืดจุกเสียด แน่นท้อง
(คำเตือนการใช้ยา ผู้บริโภคควรศึกษาข้อมูล รายละเอียด ข้อห้ามต่างๆ ก่อนใช้ยา)
Belcid Forte เบลสิด ฟอร์ท (รสมิ้นต์ สูตรไม่มีน้ำตาล)
ข้อบ่งใช้/สรรพคุณ
ช่วยลดกรดและเคลือบแผลในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการ
ปวดท้อง เนื่องจากมีกรดมากในกระเพาะอาหาร แก้ท้องอืด
จุกเสียด แน่นท้อง
ขนาด 240 มล
วิธีใช้
รับประทานก่อนอาหาร ครึ่งชั่วโมง หรือหลังอาหาร 1 ชั่วโมง
หรือเมื่อมีอาการ รับประทานครั้งละ 1-4 ช้อนชา
 
กล้วยดิบ&ขิง Herbacid (เฮอบาสิด) รักษาแผลในกระเพาะอาหาร
Herbacid กล้วย และ ขิง
- ช่วยลดอาการกรดไหลย้อน ช่วยการขับลม บรรเทาอาการ
จุกเสียดแน่นเฟ้อ
- รักษาแผลและช่วยป้องกันแผลในกระเพราะอาหารและทางเดินอาหาร
- เป็นส่วนผสมหลักจากสมุนไพรธรรมชาติ จึงมั่นใจได้ว่าไม่เป็น
อันตรายต่อร่างกาย มีประสิทธิภาพสูง
- ค้นคว้าวิจัยโดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ว.ว.)
- ไม่ก่อให้เกิดการเป็นพิษแบบเฉียบพลันและเรื้อรังต่อระบบ
ทางเดินอาหาร ไต และระบบเลือด
- สกัดมาจากสมุนไพรกล้วยและขิง ซึ่งสามารถจำหน่ายได้ทั่วไป
วิธีรับประทาน
1-2 เม็ด ก่อนอาหาร 1/2 ชั่วโมง 3 มื้อค่ะ เช้า-กลางวัน-เย็น
ใน 1 กล่อง มี 3*10 คือ มียาแผงละ 10 เม็ด จำนวน 3 แผง
ทำไมต้องทำเป็นแผง -กันชื้น -ยาไม่เสียฤทธิ์-กันเชื้อก่อโรคจะขึ้น
 
กระเพาะ กรดไหลย้อน DRD Herb ฟ้าเบิก 9ดี สมุนไพร 9ชนิด
ข้อบ่งใช้/สรรพคุณ
1 กระปุก 30 แคปซูล
อย.13-1-16862-5-0029
ผ่านโรงงาน ที่ได้มาตฐาน GMP, HAACP, ISO22000
บรรเทาอาการกรดไหลย้อน
ลดอาการปวดท้อง / ปวดเกร็งในกระเพาะอาหาร
ลดกรด, ลดการทำงานของน้ำย่อย
ลดอาการจุก-เสียด-แน่น หน้าอกและคอ
กระตุ้นการสร้างเมือกในกระเพาะอาหาร
ช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร
ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

โรคมะเร็งหลอดอาหาร(Esophageal Cancer)
โรคมะเร็งหลอดอาหารคืออะไร?
    เป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 10 ของโลกเริ่มต้นที่เนื้อเยื่อในหลอดอาหารซึ่งเป็นช่อกล้ามเนื้อยาวทำหน้าที่ย่อยอาหารจากลำคอไปสู่กระเพาะเนื้องอกที่เกิดจากมะเร็งหลอดอาหารอาจจะไม่แสดงอาการให้เห็นชัดเจนจนกว่ามะเร็งจะแพร่กระจาย
สาเหตุ
ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดแต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสให้เกิดมะเร็งหลอดอาหารได้แก่
  • โรคอ้วนการมีน้ำหนักเกินไปทำให้เกิดการอักเสบในหลอดอาหารซึ่งอาการเป็นมะเร็งได้
  • การสูบบุหรี่รวมถึงการใช้ยาสูบไร้ควัน
  • การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  • เกิดจากกรดไหลย้อนเรื้อรัง ที่ไม่ได้รับการรักษา
  • เกิดจากไวรัส (HPV) ที่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อในสายเสียงหรือเปล่าของคุณและบนมือเท้าและอวัยวะเพศของคุณ
  • สัมผัสสารเคมีบางอย่างจากการทำงาน เช่นตัวทำละลายในการซักแห้ง
มะเร็งหลอดอาหารมีอาการอย่างไร?
อาการที่คุณจะสังเกตได้คือการกลืนอาหารลำบากและอาการอื่นๆได้แก่
  • ปวดคอหรือหลังหลังกระดูกหน้าอกหนึ่งระหว่างสะบัก
  • อาเจียนหรือไอเป็นเลือด
  • เสียงแหบหรือไอ เรื้อรัง
  • น้ำหนักลดผิดปกติ
การรักษามะเร็งหลอดอาหาร
แพทย์สามารถรักษามะเร็งหลอดอาหารได้อย่างไร?
    การรักษามะเร็งหลอดอาหารนั้นขึ้นอยู่กับระยะและระดับของมะเร็ง ว่าจะมีแนวทางรักษาอย่างไร?
  • วิธีการผ่าตัด เอาหลอดอาหารและเนื้อเยื่อรอบๆ ที่เป็นมะเร็ง บางส่วนหรือส่วนใหญ่ออก ศัลยแพทย์จะทำการดึงกระเพาะอาหารบางส่วนขึ้นมาที่อกและคอ
  • การรักษาด้วยการฉายรังสี เพื่อฆ่าหรือทำลายเซลล์มะเร็ง หรือใช้รักษาเพิ่มเติมก่อนหรือหลังผ่าตัด
  • เคมีบำบัดเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งหรือหยุดการเจริญเติบโต
  • การส่องกล้องเพื่อตัดเนื้องอกในเยื่อบุของหลอดอาหาร(EMR)
  • รักษาด้วยเลเซอร์ส่องกล้องเพื่อช่วยบรรเทาอาการเนื้องอกปิดกั้นหลอดอาหารของคุณทำให้การกลืนลำบาก
  • การบำบัดด้วยโฟโต้ไดนามิก(PDT) คือยาที่ไวต่อแสง เพื่อแสงจะได้กระตุ้นตัวยาเหล่านี้สร้างปฏิกิริยาทางเคมีไปฆ่ามะเร็ง
  • บำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน ยาเหล่านี้ช่วยฟื้นฟูการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อเซลล์มะเร็งในหลอดอาหาร
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่(Colon Cancer)
    เป็นมะเร็งที่เกิดที่ลำไส้ส่วนปลายของระบบทางเดินอาหารพบมากเป็นอันดับสามของมะเร็งชนิดอื่นและเป็นสาเหตุการตายอันดับสองที่พบในประเทศไทย โชคดีที่มีความก้าวหน้าในการตรวจหาและรักษาในระยะเริ่มต้นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักเป็นโรคที่รักษาได้หายมากที่สุดด้วยการตรวจคัดกรองที่หลากหลายสามารถตรวจหาและรักษาโรคได้ก่อนที่อาการปรากฏ
สาเหตุโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
     มะเร็งลำไส้ใหญ่เกือบทั้งหมดเริ่มต้นจากติ่งเนื้อซึ่งไม่ร้ายแรง(ไม่ใช่มะเร็ง)เติบโตในเนื้อเยื่อที่บุลำไส้ใหญ่และทวารหนักของคุณ มะเร็งจะพัฒนาเมื่อติ่งเนื้อเหล่านี้โตขึ้นแล้วเซลล์ผิดปกติจะพัฒนา และเริ่มบุกรุกเนื้อเยื่อรอบๆ โดยมีสาเหตุการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก ดังนี้
  • เกิดจากพันธุกรรม ได้รับการถ่ายทอดจากพ่อแม่ญาติพี่น้องปู่ย่าตายาย
  • ผู้ที่มีประวัติพบเนื้องอกในลำไส้พบว่ามีแนวโน้มเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
  • ผู้ที่มีภาวะลำไส้อักเสบเรื้อรัง
  • ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานมีโอกาสเป็นมะเร็งได้ง่าย
  • ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
  • ผู้ที่รับประทานอาหารไขมันสูงประเภทเนื้อสัตว์เนื้อแดงผ่านการปรุงสุกด้วยความร้อนมากเกินไป
  • รับสารพิษเข้าสู่ร่างกายและตกค้างในลำไส้พบสารพิษในอาหารประเภทปิ้งย่างอาหารหมักดองและสารเคมีจากผักที่ไม่สะอาด
  • ผู้ที่มีประวัติดื่มเหล้าสูบบุหรี่
  • ผู้ที่เป็นโรคอ้วนมี ดัชนีมวลกายเกินมาตรฐานมากกว่า 25 หรือมีรอบเอวมากกว่า 36 นิ้ว
อาการโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
  • ท้องอืดท้องผูกหรือท้องเสียสลับกับท้องผูก
  • มีเลือดปนอุจจาระหรือเลือดออกทางทวารหนัก
  • อุจจาระมีขนาดเล็กหรือบางลง
  • มีอาการจุกเสียดแน่นหรือปวดท้องบ่อยๆ
  • ซีดอ่อนเพลียน้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • อาจคลำเจอก้อนในช่องท้องด้านขวาตอนล่าง
  • ปวดเบ่ง บริเวณทวารหนักคล้ายปวดอุจจาระตลอดเวลา
การตรวจหาเพื่อรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
     ขึ้นอยู่กับการตรวจคัดกรอง หากได้รับการตรวจและพบเจอเร็วก็สามารถรักษาให้หายได้ดีกว่ากรณีส่วนใหญ่ของมะเร็งลำไส้ใหญ่ตรวจพบด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งจาก 4 วิธีต่อไปนี้
  • คัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป
  • คัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ที่มีประวัติครอบครัวหรือประวัติส่วนตัวเกี่ยวกับติ่งเนื้อหรือมะเร็งลำไส้
  • โดยการตรวจลำไส้ผู้ป่วยที่มีอาการ
  • จากการตรวจสุขภาพประจำปีพบเร็วก็เป็นโอกาสรักษาได้ดีที่สุด
ความสำคัญของการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
    มะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะเริ่มต้นส่วนใหญ่ไม่ก่อให้เกิดอาการซึ่งทำให้การตรวจคัดกรองมีความสำคัญเป็นพิเศษเมื่อมีอาการเกิดขึ้นมะเร็งอาจลุกลามไปมากอาการต่างๆได้แก่ มีเลือดปนอุจจาระ พฤติกรรมการขับถ่ายเปลี่ยนไป อุจจาระตีบ ปวดท้อง น้ำหนักลดหรือเหนื่อยตลอดเวลา
วิธีรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
  • ใช้การผ่าตัดเป็นวิธีที่ดีที่สุดหลังจากแพทย์พบชิ้นเนื้อในลำไส้จากการตรวจโดยวิธีส่องกล้องทางทวารหนักเมื่อพบว่ามีความจำเป็นต้องผ่าตัด
  • รักษาด้วยยาเคมีบำบัด
  • ด้วยการใช้ฉายแสง

  แนะนำผลิตภัณฑ์ ช่วยลดช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยลดกรดแก๊สในกระเพาะอาหาร และกรดไหลย้อน ล้างคราบไขมันตะกรันในลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ บรรเทาอาการริดสีดวงทวารหนัก ลดอาการท้องผูก มีสารต้านอนุมูลอิสะ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารเป็นปกติ
(คำเตือนการใช้ยา ผู้บริโภคควรศึกษาข้อมูลของผลิตภัณฑ์ รายละเอียด ข้อห้ามต่างๆ ก่อนใช้ยา)

Phytovy -ไฟโตวี่ – ผลิตภัณฑ์เสริมใยอาหาร ช่วยขับของเสีย
คุณสมบัติ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไฟโตวี่ เสริมใยอาหาร ดีต่อระบบขับถ่าย
ล้างสารพิษในลำไส้ และช่วยควบคุมน้ำหนัก
-ช่วยเพิ่มใยอาหารให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น-ช่วยขับของเสียและไขมัน
ออกจากลำไส้
-ช่วยให้ลำไส้ดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น-ช่วยย่อยอาหาร ช่วยขับ
สารพิษในลำไส้ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด
-ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
วิธีรับประทาน
ละลายผลิตภัณฑ์ 1 ซอง ในน้ำอุณหภูมิธรรมดาหรือน้ำเย็น
120-150 มล. ใช้ช้อนคนให้ละลาย
คำเตือน อ่านคำเตือนบนฉลากก่อนบริโภค
กล่องใหญ่ขนาดบรรจุ 18 กรัม x 15 ซอง
กล่องเล็กขนาดบรรจุ 18 กรัม x 7 ซอง
เลขที่อย. 13-1-15859-5-0046
 
ไฟโต ไฟเบอร์ คลีนซ์ ผลิตภัณฑ์ ดีท็อกซ์ ล้างลำไส้ด้วยใยอาหาร
คุณสมบัติ
ผลิตภัณฑ์ ดีท็อกซ์ ล้างลำไส้ด้วยใยอาหาร ผลิตจากธรรมชาติ 100%
ทำความสะอาดตั้งแต่ลำไส้เล็กจนถึงลำไส้ใหญ่ 
1ซอง เท่ากับ ผัก 6 กิโล(ครั้งละ 1 ซอง) เห็นผลภายใน 8-12 ชั่วโมง
ประโยชน์ของใยอาหาร
-ช่วยลดกรดแก๊สในกระเพาะอาหาร และกรดไหลย้อน
-ล้างคราบไขมันตะกรันในลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่
-บรรเทาอาการริดสีดวงทวารหนัก ลดอาการท้องผูก
-มีสารต้านอนุมูลอิสะ
-ช่วยให้ระบบย่อยอาหารเป็นปกติ
-มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้
-ลดไขมันในหลอดเลือด
-เป็นการ "ลดน้ำหนักด้วยวิธีธรรชาติ"
-ช่วยลดปริมาณสารพิษในร่างกาย
-ช่วยให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดอยู่ในระดับปกติ
วิธีดื่ม
-ใส่น้ำเย็นในแก้วเช็ค ประมาณ 200 cc
-ฉีกซองเทใส่ ปิดฝาเขย่า 5 ครั้ง
-เปิดฝาออกแล้วดื่มทันที ดื่มน้ำเปล่าตาม 1 แก้ว
เมื่อถึงเวลา 8-12 ชม. ขับถ่ายให้สังเกตุจะพบว่า ขับถ่ายได้คล่องขึ้น
อาจมีเศษกากอาหารที่สะสมในลำไส้ หลุดออกมาเป็นคราบดำๆ
คราบไขมัน ตะกรัน ส่งกลิ่นแรง ให้ดื่มใยอาหารในวันต่อๆไป.
 โรคมะเร็งตับ(Liver Cancer)
เป็นมะเร็งที่เติบโตเร็วที่สุดและเป็นมะเร็งที่คุกคามชีวิตมากที่สุดชนิดหนึ่ง มะเร็งตับแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ
  • ระยะเริ่มแรก โดยเริ่มที่บริเวณตับของคุณ
  • ระยะทุติยภูมิ เป็นมะเร็งที่แพร่กระจายจากตับของคุณไปยังอวัยวะส่วนอื่น ของร่างกาย
หากพบมะเร็งแพร่ในระยะเริ่มแรกสามารถทำการรักษามะเร็งตับระยะเริ่มต้นได้ แล้วมีอะไรบ้างที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งตับ
สาเหตุหลักของมะเร็งตับ (HCC) คืออะไร?
  มะเร็งตับเกิดขึ้นเมื่อมีอะไรบางอย่างส่งผลกระทบต่อ DNA ของเซลล์ตับที่แข็งแรง DNA มียีนที่บอกเซลล์ ให้เจริญเติบโต เพิ่มจำนวนและตายเมื่อไหร่ และยังมียีนอื่นที่เรียกว่ายีนต้านมะเร็ง คอยตรวจสอบการทำงานของเซลล์ป้องกันไม่ให้เซลล์เพิ่มจำนวนอย่างควบคุมไม่ได้และทำให้เซลล์ตายเมื่อมันควรตาย แต่เมื่อดีเอ็นเอของเรากลายพันธุ์หรือการเปลี่ยนแปลงเซลล์ของเราจะได้รับคำสั่งใหม่ ใน HCC ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อ DNA ที่จะเปิดยีนก่อมะเร็งและปิดยีนต้านมะเร็ง มีการศึกษาที่เห็นว่าโรคตับแข็งเกี่ยวข้องกับโรคไวรัสตับอักเสบบี(HBV)และโรคไวรัสตับอักเสบซี (HCV)มีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของกรณีทั้งหมดเมื่อไวรัสเหล่านี้ติดเชื้อในเซลตับเซลที่แข็งแรง จะกลายเป็นเซลมะเร็ง
อาการโรคมะเร็งตับ
   เมื่อมะเร็งตับอยู่ระยะเริ่มต้นคุณอาจไม่มีอาการใดๆเลยโรคมะเร็งตับ (HCC) และมะเร็งท่อน้ำดีในตับ (IHC) มีอาการคล้ายคลึงกัน
  • มีก้อนใต้ที่ท้องหรือปวดท้องด้านขวาหรือปวดใกล้ไหล่
  • ผิวหนังและตาเหลือง(โรคดีซ่าน)
  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุคลื่นไส้หรือเบื่ออาหาร
  • รู้สึกเหนื่อยล้า
  • ปัสสาวะสีเข้ม
การรักษาโรคมะเร็งตับ
สำหรับวิธีรักษาโรคมะเร็งตับ (HCC) และมะเร็งท่อน้ำดีในตับ (IHC) รวมถึงการผ่าตัดเพื่อเอาตัดบางส่วนออกเพื่อปลูกถ่ายตับและรักษาตับโดยตรงเช่นการอุดหลอดเลือดแดงในตับ หรือใช้เคมีบำบัด embolizationรังสีบำบัดกัมมันตภาพรังสี ภูมิคุ้มกันบำบัด และการรักษาแบบกำหนดเป้าหมาย
การป้องกันโรคมะเร็งตับ
มะเร็งตับไม่สามารถป้องกันได้แต่สามารถลดโอกาสเป็นมะเร็งตับได้ด้วยวิธีเหล่านี้
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมนำไปสู่โรคตับแข็ง
  • รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • รับวัคซีนตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบเอและหลีกเลี่ยงไวรัสตับอักเสบซี
  • ถ้าคุณมีโรคตับ โรคเบาหวาน โรคอ้วนหรือการดื่มหนัก ควรรับการตรวจคัดกรองมะเร็งตับ
โรคตับแข็ง(Liver Cirrhosis)
      เป็นโรคตับระยะสุดท้าย โดยตับได้รับความเสียหายอย่างถาวรเนื้อเยื่อเป็นแผลทำให้ตับของคุณทำงานผิดปกติ   โรคและสภาวะต่างๆของตับ ทำลายเซลตับที่แข็งแรงทำให้เซลตับตายและเกิดการอักเสบทำให้เกิดซ่อมแซมเซลตับและในที่สุดก็เกิดแผลเป็นจากเนื้อเยื่ออันเป็นผลจากกระบวนการซ่อมแซม เนื้อเยื่อแผลไปขัดขวางการไหลเวียนเลือดผ่านตับ ทำให้ตับไม่สามารถแปรรูป สารอาหาร ฮอร์โมนยา และสารพิษ ตามธรรมชาติได้ช้าลงนอกจากนี้ยังลดการผลิตโปรตีนและสารอื่นๆที่สร้างโดยตับโรคตับแข็งทำให้ตับทำงานผิดปกติในที่สุดโรคตับแข็งระยะสุดท้ายเป็นอันตรายถึงชีวิต
สาเหตุอะไร?บ้างที่ทำให้คุณมีแนวโน้มเป็นโรคตับแข็ง
  • ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำหลายปี
  • มีไวรัสตับอักเสบ
  • เป็นเบาหวาน
  • เป็นโรคอ้วน
  • มีประวัติโรคตับ
  • ฉีดยาโดยใช้เข็มร่วมกัน
  • มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
โรคตับแข็งเกิดจากอะไร?สาเหตุส่วนใหญ่คือ
  • เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ เรื้อรัง เป็นเวลานาน
  • ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเรื้อรังไวรัสตับอักเสบบีและ ไวรัสตับอักเสบซี
  • ไขมันพอกตับเกี่ยวกับโรคอ้วนและเบาหวาน
  • โรคตับอักเสบจากภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง (ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายคุณโจมตีเนื้อเยื่อตับที่แข็งแรงทำให้เกิดความเสียหาย)
  • โรคที่ทำลายหรือปิดกั้นท่อน้ำดีในตับไปยังส่วนอื่นๆของระบบย่อยอาหาร(น้ำดีมีหน้าที่ช่วยย่อยไขมัน)
  • ท่อน้ำดีอักเสบ ปฐมภูมิ (ท่อน้ำดีได้รับบาดเจ็บอักเสบและเสียหายอย่างถาวร)
  • ท่อน้ำดีอุดตัน(อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ)
  • ทางเดินน้ำดีตีบตัน(ทารกเกิดมาพร้อมกับท่อน้ำดีที่มีรูปร่างไม่ดีหรืออุดตันทำให้เกิดความเสียหายเกิดแผลเป็นสูญเสียเนื้อเยื่อตับและเป็นโรคตับแข็ง)
  • ภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรังทำให้เกิดของเหลวข้างในตับบวมที่บริเวณอื่นๆของร่างกายและอาการอื่นๆ
  • โรคที่พบไม่บ่อยเช่นโรคอะไมรอยดูสีชื่อเมลการสะสมของโปรตีนผิดปกติเรียกว่าอะไมรอยในตับจะขัดขวางการทำงานของตับตามปกติ
การเปลี่ยนแปลงจากโรคตับนำไปสู่โรคตับแข็งจะเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไปเซลตับได้รับบาดเจ็บจากสาเหตุใดก็ตามเซลตับจะเริ่มตายเมื่อเวลาผ่านไปเนื้อเยื่อที่มาแทนที่เซลตับที่เสียหายจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
โรคตับแข็งมีอาการอย่างไร?
     อาการของโรคตับแข็งขึ้นอยู่กับระยะของโรคในตอนเริ่มต้นคุณอาจไม่มีอาการใดๆเลย หรือบางคนมีอาการทั่วไปทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นอาการของโรคการเจ็บป่วยอื่นๆได้
อาการเริ่มต้นของตับแข็งได้แก่
  • รู้สึกเบื่ออาหาร
  • รู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย
  • คลื่นไส้
  • มีไข้
  • น้ำหนักลดแบบไม่ทราบสาเหตุ
เมื่อการทำงานของตับแย่ลงอาการอื่นๆของโรคตับแข็งจะปรากฏขึ้นได้แก่
  • ช้ำและเลือดออกง่าย
  • เป็นดีซ่าน ผิวหนังและตาขาวมีลักษณะโทนสีเหลือง
  • คันผิวหนัง
  • อาการบวม( บวมน้ำ )ที่ขาเท้าและข้อเท้า
  • ของเหลวสะสมอยู่ในช่องท้องของคุณ
  • ปัสสาวะมีสีน้ำตาลหรือสีส้ม
  • อุจจาระสีอ่อน
  • เลือดในอุจจาระ
  • รอยแดงบนฝ่ามือของคุณ
  • เส้นเลือดครั้งหนึ่งมุมที่ล้อมรอบจุดแดงเล็กๆบนผิวหนังของคุณ
  • สับสน คิดลำบาก ความจำเสื่อม บุคลิกภาพเปลี่ยนไป
  • นายผู้ชายสูญเสียความต้องการทางเพศหน้าอกขยายใหญ่ขึ้นลูกอัณฑะหดตัว
  • ในผู้หญิงหมดประจำเดือนก่อนวัยอันควรไม่มีประจำเดือนเองต่อไป
โรคตับแข็งรักษาได้หรือไม่?
ไม่มีวิธีรักษาโรคตับแข็ง เพราะความเสียหายเกิดกับตับคุณอย่างถาวร แต่อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริงของการเป็นโรคตับแข็งคุณอาจกระทำบางอย่างได้เพื่อป้องกันไม่ให้โรคตับแข็งแย่ลงควรปฏิบัติดังนี้คือ
  • หยุดดื่มแอลกอฮอล์
  • รักสาโรคตับอักเสบเรื้อรัง
  • หลีกเลี่ยงยาที่ทำให้ตับเครียด
  • รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพรักษาสมดุลย์มีไขมันต่ำเช่น อาหารเมดิเตอร์เรเนียน
เป้าหมายของการรักษาโรคตับแข็งคืออะไร?
  • ชะลอความเสียหายต่อตับคุณ
  • ป้องกันและรักษาอาการ
  • ป้องกันและรักษาสภาวะแทรกซ้อน
โรคตับแข็งรักษาอย่างไร?
การรักษาขึ้นอยู่กับ สิ่งที่ทำให้เกิดโรคตับแข็งและความเสียหายที่เกิดขึ้นแม้ว่าไม่มีวิธีรักษาโรคตับแข็งแต่ก็สามารถชะลอหรือหยุดการดำเนินของโรคและลดสภาวะแทรกซ้อนได้
การรักษาสาเหตุของตับแข็งดังนี้
  • โรคตับจากแอลกอฮอล์ : งดดื่มแอลกอฮอล์หรือเข้ารับการบำบัดหากคุณติดแอลกอฮอล์
  • ไวรัสตับอักเสบบี หรือ ซี : มียาต้านไวรัสหลายชนิดที่ได้รับอนุมัติเพื่อใช้รักษาโรคตับอักเสบชนิดบีและซี
  • โรคไขมันพอกตับที่ไม่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ : รักษาด้วยการลดน้ำหนักรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ออกกำลังกายและปฏิบัติตามคำแนะนำการจัดการโรคเบาหวาน
  • โรคตับอักเสบจากแพ้ภูมิต้านทานตนเอง: การรักษารวมถึงการใช้ยาเพื่อกดภูมิคุ้มกันของคุณ
  • โรคที่ทำลายหรืออุดตันท่อน้ำดีในตับ : การรักษารวมถึงการใช้ยาเช่น เออร์โซไดออล(Actigall)หรือการผ่าตัดเพื่อเปิดท่อน้ำดีที่ตีบและอุดตัน
  • เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจล้มเหลว: การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุและระยะของสภาวะหัวใจล้มเหลวของคุณ ใช้ยารวมถึงยารักษาความดันโลหิตสูงให้ลดลง เพื่อขจัดของเหลวส่วนเกิน(บวมน้ำ)ออกจากร่างกายของคุณปรับปรุงการทำงานของหัวใจ โดยการรักษาอื่นๆเช่น การฝั่งอุปกรณ์ผู้ช่วยสูบฉีดเลือดหรือติดตามจังหวะการเต้นของหัวใจ  การผ่าตัดเพื่อคลายการอุดตัน ของหลอดเลือดแดงหรือเปลี่ยนหรือซ่อมแซมลิ้นหัวใจการผ่าตัดปลูกถ่ายการเปลี่ยนหัวใจของคุณ
  • ยาที่ใช้อาจมีส่วนทำให้เกิดโรคตับแข็ง: ควรพิจารณายาที่คุณทานเป็นประจำว่าก่อให้เกิดปัญหากับตับของคุณหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นให้หยุดยา ลดปริมาณยาลง หรือเปลี่ยนตัวยาอื่นหากเป็นไปได้
 แนะนำผลิตภัณฑ์อาหารเสริม สมุนไพร บำรุงตับ ช่วยบำรุงและขับสารพิษออกจากตับ ช่วยคุณป้องกันและช่วยฟื้นฟูเซลล์ตับ ช่วยป้องกันความบกพร่องของระบบการทำงานของตับ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่จับกับโลหะหนักที่เป็นพิษต่อตับได้ดี ช่วยลดการทำลายเนื้อตับจากการรับประทานยาต่างๆหลายชนิด
(คำเตือนการใช้ยา ผู้บริโภคควรศึกษาข้อมูลของผลิตภัณฑ์ รายละเอียด ข้อห้ามต่างๆ ก่อนใช้ยา)
Livital ลิไวทอล 30 เม็ด สมุนไพรสกัด บำรุงตับ สูตรเข้มข้น
ข้อบ่งใช้/สรรพคุณ
Livital ลิไวทอล 1 กระปุก 30แคปซูล
เข้มข้นด้วย 8 สมุนไพร + 4 วิตามิน
ช่วยกระตุ้นเอนไซม์ในตับเพื่อการกำจัดสารพิษได้ดี
ช่วยป้องกันตับจากพังผืดและตับแข็ง
มีสารอาหารที่เหมาะสมสำหรับการบำรุงตับ
ป้องกันไม่ให้ไขมันไปสะสมที่ตับ
ป้องกันการเกิดไขมันพอกตับ
ช่วยป้องกันโรคตับแข็ง ตับอักเสบ ตับติดเชื้อ
เป็นสาเหตุของมะเร็งตับ
หมายเลข อย. 50-2-05959-5-0031
 
Mega We Care D Toxi เมก้า วี แคร์ ดีท็อกซี่ บำรุงตับ
ข้อบ่งใช้/สรรพคุณ
ช่วยบำรุงและขับสารพิษออกจากตับ
ช่วยคุณป้องกันและช่วยฟื้นฟูเซลล์ตับ
ช่วยป้องกันความบกพร่องของระบบการทำงานของตับ
ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
ทำหน้าที่จับกับโลหะหนักที่เป็นพิษต่อตับได้ดี
ช่วยลดการทำลายเนื้อตับจากการรับประทานยาต่างๆหลายชนิด
 
VISTRA LIVOTOX วิสทร้า ลิโวท็อกซ์
ส่วนประกอบ
ส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 แคปซูล ประกอบด้วย
เลซิติน 858.00 มก.
สารสกัดแดนดิไลออน 50 มก.
แอล-กลูตาไธโอน 25 มก.
ไนอะซินาไมด์ 20 มก.
ซิงค์ ซิเตรท ไตรไฮเดรท (ให้ซิงค์ 5 มก.) 16.13 มก.
วิตามิน บี 6 2.0 มก.
วิตามิน บี 12 (0.1%) (ให้วิตามินบี12 2 มคก.) 2.0 มก.
วิตามิน บี 2 1.7 มก.
วิตามิน บี 1 1.5 มก.
ข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร
มีเลซิตินจากถั่วเหลือง
วิธีการรับประทาน
รับประทานวันละ 1 แคปซูล พร้อมมื้ออาหาร
เลขสารระบบอาหาร
อย 13-1-00449-5-0051
โรคถุงน้ำดีอักเสบ (ไดเวอร์ติคูโลซิส)
   โรคเกี่ยวกับผนังหลอดเลือดเป็นเรื่องปกติมากและเกิดขึ้น 10% ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีแล้ว 50% ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี
สาเหตุ
มักเกิดจากการกินอาหารหยาบไฟเบอร์น้อยเกินไป โรคผนังลำไส้อักเสบบางครั้งสามารถพัฒนาลุกลามไปสู่โรคถุงผนังลำไส้อักเสบได้ สภาวะแทรกซ้อนของโรคถุงผนังลำไส้เกิดขึ้น 10% ของผู้ที่มีถุงน้ำคร่ำที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบ มีเลือดออกและมีการอุดตัน
อาการ
โรคนี้จะมีการพบถุงลมขนาดเล็กก่อตัวขึ้นบนผนังกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่ซึ่งเกิดขึ้นในบริเวณที่ ผนังลำไส้อ่อนแอมักเกิดในลำไส้ใหญ่ส่วนซิกมอยด์ ซึ่งเป็นบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนล่างที่มีความดันสูง
การรักษา
โรคถุงผนังลำไส้อักเสบรวมถึงการรักษาอาการท้องผูกบางครั้งต้องใช้ยาปฏิชีวนะหากอาการรุนแรงจำเป็นต้องมีการผ่าตัดเป็นทางเลือกสุดท้ายของผู้ที่มีสภาวะแทรกซ้อนเพื่อเอาส่วนที่เป็นโรคของลำไส้ใหญ่ออก
ริดสีดวงทวาร
ริดสีดวงทวารคือเส้นเลือดโป่งพองมันคือเส้นเลือดที่บวมอยู่บริเวณช่องทางทวารหนักของคุณ
สาเหตุ
มาจาก เกิดจากใช้แรงดันเกินในการเบ่งอุจจาระเป็นประจำ ท้องเสียอย่างต่อเนื่องหรือตั้งครรภ์ริดสีดวงทวารมีสองประเภทภายในและภายนอก
อาการ
ริดสีดวงภายใน: เกิดจากหลอดเลือดที่อยู่ภายในช่องทวารหนักของคุณ เมื่อตกลงไปในทวารหนักเป็นผลมาจากการรัดทำให้รู้สึกหงุดหงิดและมีเลือดออกในที่สุด ริดสีดวงทวารหนักภายใน สามารถร่วงลงมามากพอที่จะย้อย จมหรือติดออกจากทวารหนักได้
ริดสีดวงภายนอก: เกิดจากเส้นเลือดที่อยู่ภายใต้ผิวหนังด้านนอกของทวารหนักบางครั้งหลังจากการรัดเส้นเลือดริดสีดวงทวารภายนอกจะแตกออกและเกิดลิ่มเลือดใต้ผิวหนังสภาพที่เจ็บปวดว่านี้เรียกว่า”กอง”
การรักษา
  • ปรับปรุงนิสัยการขับถ่าย เช่นหลีกเลี่ยงอาการท้องผูก ไม่เบ่งระหว่างการขับถ่าย
  • เข้ารับการรักษาโดยใช้แถบรัดเพื่อกำจัดหลอดเลือด
  • เข้าการรักษาเพื่อผ่าตัดเอาริดสีดวงที่มีขนาดใหญ่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเรื้อรัง
โรคระบบทางเดินอาหารป้องกันได้หรือไม่?
การดูแลรักษาสุขภาพ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ฝึกนิสัยการขับถ่ายที่ดีและตรวจคัดกรองมะเร็งเป็นประจำสามารถช่วยป้องกันและ ลดอัตราการเสี่ยงเป็นโรคระบบทางเดินอาหารได้
สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงโดยเฉลี่ยที่อายุ 45 ปีขึ้นไปแนะนำให้เข้ารับการตรวจส่องกล้องลำไส้ใหญ่ หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือติ่งเนื้อ ตอนอายุเท่าไหร่เราควรรีบตรวจก่อนหน้านั้น 10 ปีเช่น(ถ้าพ่อเรามีประวัติได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือติ่งเนื้อตอนอายุ 45 เราควรเริ่มตรวจ ส่องกล้องลำไส้ใหญ่ ตอนอายุ 35)
หากคุณมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อได้รับการตรวจเช็คอาการว่าของคุณเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักหรือเปล่า?
  • นิสัยการขับถ่ายผิดจากปกติ
  • มีเลือดปนในอุจจาระ สีดำหรือสีซีด
  • ปวดท้องผิดปกติหรือมีแก๊ส
  • อุจจาระแคบมาก
  • ความรู้สึกลำไส้ไม่ได้ระบายออกอย่างสมบูรณ์หลังจากถ่ายอุจจาระ
  • น้ำหนักลดที่หาสาเหตุไม่ได้
  • รู้สึกเหนื่อยล้า
  • โรคโลหิตจาง(จำนวนเม็ดเลือดต่ำ)
สเปรย์ริดสีดวง มนตรา คนท้องใช้ได้ ให้นมน้องใช้ได้
สเปรย์ริดสีดวง นวัตรกรรมใหม่ ใช้งานง่าย พกสะดวก ออกฤทธิ์ไว
ลองมาหลายวิธีแล้วไม่เห็นผล ให้เราเป็นทางออก
ต้องมาทนทรมาณกับอาการเหล่านี้...
- มีติ่งโผล่ บวม แดง
- เจ็บ ปวด แสบ ทรมาณ
- มีเลือดออก ติดเชื้อ มีน้ำหนองไหล
- หูรูดทวารหนักไม่ดี ขับถ่ายยาก
อีกหนึ่งทางเลือกของคน
❌ไม่อยากผ่าตัด ❌ไม่อยากพบหมอ ❌ไม่อยากจ่ายแพง
สารสกัดธรรมชาติ ปลอดภัย คนท้องใช้ได้ ให้นมน้องใช้ได้
ข้อมูล สเปรย์ริดสีดวง Montra
1 ขวด พ่นได้มากกว่า 200 ครั้ง
วิธีใช้
-พ่นหลังอาบน้ำเสร็จช่วยเช้า
-พ่นหลังอาบน้ำเสร็จช่วยเช้า
-พ่นหลังจากขับถ่าย
 
ริดสีดวง หายขาดได้ทุกระยะ โดยหมอวรัญญูแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
รายละเอียดสินค้า
สูตรคุณหมอวรัญญูโดยตรงแก้ตรงจุดไม่ต้องผ่า
แบบแคปซูล (ทาน)
1. บรรเทาอาการอักเสบ ลดอาการบวมแดง
2. ช่วยปรับสมดุลในร่างกายให้ดีขึ้น
3. ลดขนาดริดสีดวงให้เล็กลง หยุดเลือด แก้อาการท้องผูกเรื้อรัง
4. ลดความแข็งของอุจาระทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น
5. ช่วยให้ติ่งยุบ ฝ่อ แห้ง
แบบหลอด (ทา)
1. ช่วยทำให้ติ่งยุบตัวดียิ่งขึ้น
2. ทาแล้วเย็นชุ่มชื่นยาวนานลดอาการเจ็บปวด
3. เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวลดอาการคันได้ดี
4. บรรเทาอาการอักเสบ ลดอาการบวมแดง
5. ช่วยลดติ่งโผล่ให้ยุบ แห้ง หลุดง่าย
 
ริชชี่พิมพ์พญา อาหารเสริมสมุนไพร ริดสีดวง ถ่ายเป็นเลือด
ปราบรีดสีดวง ทุกระยะ ด้วยริชชี่พิมพญา ช่วยลดอาการแผลอักเสบ
จากริดสีดวงทวารหนักทั้งภายใน และ ภายนอก ใช้ในการรักษา
โรคริดสีดวง ทุกจุด ทุกระยะ
ทานต่อเนื่อง ติ่งยุบ ติ่งฝ่อ หายขาดแน่นอนค่ะ
1. ส่วนประกอบ ส่วนผสม ริชชี่ (ตรา พิมพ์พญา) ผงมะขามแขก 50 มก
ผงผักบุ้ง 50 มก ผงว่านหางจระเข้ 50 มก ผงกระบองเพชร 150 มก
ผงมะขามป้อม 50 มก ผงเจียวกู่หลาน (ปัญจขันธ์) 150 มก
2.สรรพคุณ บรรเทาอาการริดสีดวงทวารหนัก
3.วิธีรับประทาน : รับประทานครั้งละ 2 -3 แคปซูล ก่อนอาหารเช้า- เย็น
4.เลขอย. 5020266150021
5.สีสลากสินค้า (เขียว ทอง)
6.จำนวน 30 แคปซูล
 
  ยังมีโรคระบบทางเดินอาหารประเภทอื่นๆอีกมากมายเราได้ยกตัวอย่างเพียงบางส่วน ของโรคระบบทางเดินอาหารแต่ไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคนิ่ว  ภาวะกลั้นอุจจาระไม่ได้  แพ้แลคโตส ผังผืดในช่องท้อง ไส้ติ่งอักเสบ อาหารไม่ย่อยลำไส้อุดตัน และอื่นๆ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้