Last updated: 18 ส.ค. 2567 | 427 จำนวนผู้เข้าชม |
**อาหารเสริมวิตามินอี**
วิตามินอีเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคอัลไซเมอร์ นอกจากนี้ วิตามินอี ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อีกด้วย
**กินวิตามินอีช่วยอะไรได้บ้าง?**
วิตามินอีมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ ดังนี้
* ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคอัลไซเมอร์
* ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
* ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
* ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
* ช่วยลดความดันโลหิต
* ช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน
* ช่วยชะลอความแก่
* ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
* ช่วยลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ
* ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
* ช่วยลดอาการอักเสบ
* ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน
* ช่วยลดอาการวัยทอง
**วิตามินอีกินตอนไหน? วันละเท่าไหร่?**
วิตามินอีสามารถรับประทานได้ทุกเวลา แต่แนะนำให้รับประทานพร้อมอาหารที่มีไขมัน เพื่อช่วยในการดูดซึมวิตามินอีได้ดียิ่งขึ้น ปริมาณวิตามินอีที่แนะนำให้รับประทานต่อวัน คือ 15 มิลลิกรัม (22.5 IU) สำหรับผู้ใหญ่ และ 10 มิลลิกรัม (15 IU) สำหรับเด็ก
**วิตามินอีมีกี่ประเภท?**
วิตามินอีมีทั้งหมด 8 ชนิด ได้แก่
* อัลฟา-โทโคฟีรอล (Alpha-tocopherol)
* เบตา-โทโคฟีรอล (Beta-tocopherol)
* แกมมา-โทโคฟีรอล (Gamma-tocopherol)
* เดลตา-โทโคฟีรอล (Delta-tocopherol)
* อัลฟา-โทโคไตรอีนอล (Alpha-tocotrienol)
* เบตา-โทโคไตรอีนอล (Beta-tocotrienol)
* แกมมา-โทโคไตรอีนอล (Gamma-tocotrienol)
* เดลตา-โทโคไตรอีนอล (Delta-tocotrienol)
**วิธีเลือกซื้อวิตามินอี?**
ในการเลือกซื้อวิตามินอี ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินอีธรรมชาติ (Natural Vitamin E) และมีปริมาณวิตามินอีที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย นอกจากนี้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีและมีมาตรฐานการผลิตที่เชื่อถือได้
**วิตามินอียี่ห้อไหนดี?**
วิตามินอีมีหลายยี่ห้อในท้องตลาด โดยยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ได้แก่