ถาม-ตอบ เรื่องการปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสีUV

1. แสงแดด เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หากคุณต้องทำกิจกรรมภายนอก
2. ความร้อนจากสภาพแวดล้อม จากการทำงาน จากเครื่องจักร หรือ อุปกรณ์ที่มีความร้อน
3. เกิดจากรังสี UV จากหลอดไฟ และจอคอมพิวเตอร์
   ความร้อน เป็นตัวการทำให้ผิวสูญเสีย น้ำความชุ่มชื่น และทำลาย คอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวเหี่ยวย่น เป็นริ้วรอย 

1.  รังสี  UVA นอกจากทำให้ผิวเสียแล้วยังเป็นตัวร้ายก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังและแก่ก่อนวัยได้
2.  รังสี  UVB เป็นสาเหตุให้ผิวไหม้ หมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำ ฝ้า กระ 
   

การป้องกันผิวจากแสงแดดและรังสี UV
ตอบ   เป็นเรื่องยากที่เราจะหลีกเลี่ยงจากแสงแดดและรังสียูวี(UV) เพราะฉะนั้นเราควรหาอะไรมาป้องกันผิวไม่ให้ถูกแสงยูวีทางเลือกที่ดีคือใช้ ครีมกันแดด ที่มีส่วนสำคัญในการปกป้องรังสียูวี ถึงแม้จะป้องกันไม่ได้ 100% แต่ คุณก็สามารถทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือโดนแสงยูวี(UV)ได้มากขึ้นโดยที่ผิวไม่เกิดปัญหาผิวต่างๆตามมา 
ครีมกันแดดมีแบ่งตามคุณสมบัติกี่ประเภท?
ตอบ ครีมกันแดดแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ

1. ครีมกันแดดแบบ (Chemical Sunscreen)
   เป็นครีมกันแดดที่จะซึมเข้าสู่ ชั้นใต้ผิว เพื่อให้ได้ผล ควรทา ก่อนออกแดดซัก 20 นาที 
   การทำงานของครีมกันแดดชนิดนี้ จะดูดซับรังสี UVและทำปฏิกิริยาเปลี่ยนเป็นความร้อน ออกจากผิวหนัง 
   - ข้อดี : เนื้อครีม บางเบา เกลี่ยง่าย ซึมเข้าสู่ผิวได้ดี
   - ข้อเสีย : สารเคมีในครีมกันแดดทำปฏิกิริยาเร็วทำให้ต้องทาซ้ำบ่อยๆเมื่ออยู่กลางแสงแดด
   สารเคมีอาจเป็นปัญหาสำหรับผู้ที่ มีผิวบอบบางหรือบุคคลที่มีเม็ ดสีมากเกินไป ทำให้มีจุดน้ำตาลเพิ่มขึ้น
   ครีมกันแดดแบบเคมี สามารถอุดตันรูขุมขนและเป็นปัญหาสำหรับคนเป็นสิวได้ง่าย
   ครีมกันแดดมีองค์ประกอบด้วย
   oxybenzone,avobenzone, octinoxate,octocrylene, octisalate,homosalate
2. ครีมกันแดดแบบ ฟิซิคัล ( Physical Sunscreen)หรือ ครีมกันแดดมิเนอรัล(Mineral Sunscreen)
   ครีมกันแดดชนิดนี้จะอยู่ด้านบนของผิวทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันโดยการเบี่ยงเบนและกระจายรังสียูวี UVออกจากผิวเหมือนกระจกสะท้อนรังสียู วีUVที่ระดับพื้นผิว ครีมกันแดดที่มีแร่ธาตุธรรมชาติ สามารถป้องกันรังสียูวีเอ(UVA)และยูวีบี(UVB)ได้ทันทีที่ทาครีม
   - ข้อดี : ป้องกันรังสียูวีเอ( UVA)และยูวีบี(UVB)ได้ทันที สามารถล้างออกได้ง่าย ทาซ้ำได้ บ่อยตามต้องการและไม่อุดตันรูขุมขน
   - ข้อเสีย : ทิ้งคราบขาวมองเห็นได้บนผิว และควรหลีกเลี่ยงสูตรสเปรย์และแป้งฝุ่นเพราะอาจทำให้ละอองเข้าสู่ปอด
   ครีมกันแดดแบบฟิซิคัลตัวนี้มีส่วนผสมของ ไททาเนียมไดออไซด์ และซิงค์ไดออกไซด์หรือทั้ง2อย่างรวมกัน 
      ครีมกันแดดแบบนี้กำลังเป็นที่ นิยมเพราะสามารถป้องกันรังสียูวีเอ(UVA)และยูวีบี(UVB)ได้จริง  ไม่มีสารตกค้างอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง สามารถทาได้บ่อย และ ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม แต่มีราคาสูงกว่า

• โลชั่น
• ครีม
• เจล
• ขี้ผึ้ง
• แว็กซ์แท่ง
• สเปย์

1. สามารถป้องกันได้ทั้งยูวีเอ ( UVA) และยูวีบี (UVB)
2. มีค่าเอสพีเอฟ( SPF )30 ขึ้นไป
3. สามารถกันน้ำกันเหงื่อระหว่ างวันได้นานแค่ไหน

• ค่าSPF 30 สามารถปกป้องผิวจากการไหม้ แดด 30%ป้องกันรังสียูวีบี ( UVB) ได้ 97% 
• ถ้าSPF 50 สามารถปกป้องผิวจากการไหม้ แดด 50% ป้องกันรังสียูวีบี ( UVB) ได้ 98%
• ค่า PA คือ ค่าวัดระดับการป้องกันรังสียูวีเอ หรือ รังสีอั ลตราไวโอเลตเอ (UVA)ระบุ ระบุค่าความสามารถเป็นเครื่องหมาย + เ ช่น
  PA+ป้องกันผิวจากความหมองคล้ำ ได้2-4เท่า
  PA++ป้องกันผิวจากความหมองคล้ำ ได้4-8เท่า
  PA+++ป้องกันผิวจากความหมองคล้ำ ได้8-16เท่า
  PA++++สามารถป้องกันผิ วจากความหมองคล้ำได้มากกว่า16เท่า

วิธีการใช้ครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิว ?
ตอบ

1. ทาครีมกันแดดบริเวณผิวที่ไม่มีสิ่งปกปิด ที่คาดว่าจะสัมผัสแสงแดดโดยตรง
2. ใช้ขนาดครีมให้พอเหมาะทาให้ทั่วบริเวณที่ต้องการปกปิด
3. ทาครีมกันแดดล่วงหน้า 15 ถึง  30 นาทีเพื่อให้เนื้อครีมกันแดดแห้ง ก่อนออกไปเจอแดด
4. ทาครีมกันแดดซ้ำ อย่างน้อย ทุก 2 ชั่วโมงหลังมีเหงื่อออกมากหรือว่ายน้ำ