กังวลว่าจะเป็นโรคร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหารทางโครงสร้างอวัยวะภายในโดยตรงมีอะไรบ้าง?

Last updated: 30 ม.ค. 2566  |  220 จำนวนผู้เข้าชม  | 

กังวลว่าจะเป็นโรคร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหารทางโครงสร้างอวัยวะภายในโดยตรงมีอะไรบ้าง?

กังวลว่าจะเป็นโรคร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหารทางโครงสร้างอวัยวะภายในโดยตรงมีอะไรบ้าง?
        โรคระบบทางเดินอาหารทางโครงสร้างคือโรคระบบทางเดินอาหาร ที่ทำให้คุณรู้สึกว่ามีความผิดปกติ มีอาการเจ็บปวด แน่น ท้องอืด อึดอัดไม่สบายท้องจนต้องเข้ารับการตรวจเช็คพบว่ามีอาการของโรคเหล่านี้ การรักษาอาจจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดออกตัวอย่างทั่วไปของโรคระบบทางเดินอาหารที่มีโครงสร้างได้แก่โรคกระเพาะอาหาร การตีบ การตันริดสีดวงทวาร โรคถุงผนังลำไส้ ติ่งเนื้อลำไส้ มะเร็งลำไส้และโรคลำไส้อักเสบ เป็นต้น
โรคที่ส่งผลกระทบทางโครงสร้างในระบบทางเดินอาหารโดยตรงมีอะไรบ้าง?
โรคกระเพาะอาหาร(Peptic Ulcer)
สาเหตุ  ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารคือ
  • ติดเชื้อแบคทีเรีย เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลโร ซึ่งติดต่อได้จากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ไม่สะอาดปนเปื้อนเชื้อโรคชนิดนี้ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารบางชนิดได้
  • เกิดจากยาแก้ปวดข้อปวดกระดูกรวมถึงยารักษาสิวอาจทำให้เป็นแผลในกระเพาะอาหารในหลอดอาหารจนอักเสบมากขึ้น
  • การสูบบุหรี่ดื่มเหล้าทำให้อัตราการเป็นแผลในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้นแผลหายช้าหรือเป็นเรื้อรังได้ง่าย ส่งผลตอบสนองต่อการรักษาตัวยาได้ไม่ดี
  • ภาวะเครียดรับประทานอาหารเผ็ดหรือไม่ตรงเวลา
  • ติดเชื้อทางเดินอาหารเช่นท้องเสียอาหารเป็นพิษ
อาการโรคกระเพาะอาหาร
จะมีอาการแสดงออกมาในลักษณะของการ ปวดจุกแน่นใต้ลิ้นปี่เหนือสะดือใต้ใช้โครงซ้ายบางรายปวดแน่นถึงหน้าอกอาการมักเป็นเป็นหายๆและสัมพันธ์กับมื้ออาหาร ก่อนทานอาหารในเวลาหิวหรือปวดหลังอาหารเวลาอิ่มอาการเหล่านี้จะดีขึ้นเมื่อได้รับประทานอาหารหากโลกนี้รุนแรงขึ้นอาจอาเจียนเป็นเลือดถ่ายอุจจาระสีดำหรือเบื่ออาหารน้ำหนักลด
การรักษาโรคกระเพาะอาหาร
 ถ้ามีอาการปวดท้องควรพบแพทย์ทันทีเช่น ถ่ายดำหรือ ถ่ายมีเลือดปน น้ำหนักตัวลด ตัวซีดเหลือง (ดีซ่าน)ปวดรุนแรงนานเป็นชั่วโมง มีอาเจียนรุนแรงติดต่อกัน หรือ อาเจียนปนเลือด เจ็บกลืนลำบาก มีประวัติครอบครัวป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารคำก้อนเนื้อในท้องได้หรือต่อมน้ำเหลืองโต
     หากผู้ป่วยมีอาการปวดจุกแน่นท้องจุกเสียดแสบท้องมานานเกินสองสัปดาห์สามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นได้คือรับประทานยาลดกรดในกระเพาะอาหารงดสูบบุหรี่ งดเหล้า งดอาหารรสเผ็ด รับประทานอาหารให้ตรงเวลา ออกกำลังกาย งดกินยาแก้ปวดข้อปวดกระดูก โดยไม่จำเป็น
        ถ้าอาการไม่ดี ขึ้นหลังปฏิบัติตามข้างต้นหรืออาการเป็นมานานกว่าหนึ่งเดือนจนถึงมีอาการเตือนที่สำคัญตั้งแต่ต้นจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยเพิ่มเติมเพื่อส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารว่ามีแผลหรือเนื้องอกและมะเร็งหรือไม่
 
 แนะนำผลิตภัณฑ์ช่วยลดกรดและเคลือบแผลในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการปวดท้อง เนื่องจากมีกรดมากในกระเพาะอาหาร แก้ท้องอืดจุกเสียด แน่นท้อง
(คำเตือนการใช้ยา ผู้บริโภคควรศึกษาข้อมูล รายละเอียด ข้อห้ามต่างๆ ก่อนใช้ยา)
Belcid Forte เบลสิด ฟอร์ท (รสมิ้นต์ สูตรไม่มีน้ำตาล)
ข้อบ่งใช้/สรรพคุณ
ช่วยลดกรดและเคลือบแผลในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการ
ปวดท้อง เนื่องจากมีกรดมากในกระเพาะอาหาร แก้ท้องอืด
จุกเสียด แน่นท้อง
ขนาด 240 มล
วิธีใช้
รับประทานก่อนอาหาร ครึ่งชั่วโมง หรือหลังอาหาร 1 ชั่วโมง
หรือเมื่อมีอาการ รับประทานครั้งละ 1-4 ช้อนชา
 
กล้วยดิบ&ขิง Herbacid (เฮอบาสิด) รักษาแผลในกระเพาะอาหาร
Herbacid กล้วย และ ขิง
- ช่วยลดอาการกรดไหลย้อน ช่วยการขับลม บรรเทาอาการ
จุกเสียดแน่นเฟ้อ
- รักษาแผลและช่วยป้องกันแผลในกระเพราะอาหารและทางเดินอาหาร
- เป็นส่วนผสมหลักจากสมุนไพรธรรมชาติ จึงมั่นใจได้ว่าไม่เป็น
อันตรายต่อร่างกาย มีประสิทธิภาพสูง
- ค้นคว้าวิจัยโดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ว.ว.)
- ไม่ก่อให้เกิดการเป็นพิษแบบเฉียบพลันและเรื้อรังต่อระบบ
ทางเดินอาหาร ไต และระบบเลือด
- สกัดมาจากสมุนไพรกล้วยและขิง ซึ่งสามารถจำหน่ายได้ทั่วไป
วิธีรับประทาน
1-2 เม็ด ก่อนอาหาร 1/2 ชั่วโมง 3 มื้อค่ะ เช้า-กลางวัน-เย็น
ใน 1 กล่อง มี 3*10 คือ มียาแผงละ 10 เม็ด จำนวน 3 แผง
ทำไมต้องทำเป็นแผง -กันชื้น -ยาไม่เสียฤทธิ์-กันเชื้อก่อโรคจะขึ้น
 
กระเพาะ กรดไหลย้อน DRD Herb ฟ้าเบิก 9ดี สมุนไพร 9ชนิด
ข้อบ่งใช้/สรรพคุณ
1 กระปุก 30 แคปซูล
อย.13-1-16862-5-0029
ผ่านโรงงาน ที่ได้มาตฐาน GMP, HAACP, ISO22000
บรรเทาอาการกรดไหลย้อน
ลดอาการปวดท้อง / ปวดเกร็งในกระเพาะอาหาร
ลดกรด, ลดการทำงานของน้ำย่อย
ลดอาการจุก-เสียด-แน่น หน้าอกและคอ
กระตุ้นการสร้างเมือกในกระเพาะอาหาร
ช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร
ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

โรคมะเร็งหลอดอาหาร(Esophageal Cancer)
โรคมะเร็งหลอดอาหารคืออะไร?
    เป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 10 ของโลกเริ่มต้นที่เนื้อเยื่อในหลอดอาหารซึ่งเป็นช่อกล้ามเนื้อยาวทำหน้าที่ย่อยอาหารจากลำคอไปสู่กระเพาะเนื้องอกที่เกิดจากมะเร็งหลอดอาหารอาจจะไม่แสดงอาการให้เห็นชัดเจนจนกว่ามะเร็งจะแพร่กระจาย
สาเหตุ
ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดแต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสให้เกิดมะเร็งหลอดอาหารได้แก่
  • โรคอ้วนการมีน้ำหนักเกินไปทำให้เกิดการอักเสบในหลอดอาหารซึ่งอาการเป็นมะเร็งได้
  • การสูบบุหรี่รวมถึงการใช้ยาสูบไร้ควัน
  • การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  • เกิดจากกรดไหลย้อนเรื้อรัง ที่ไม่ได้รับการรักษา
  • เกิดจากไวรัส (HPV) ที่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อในสายเสียงหรือเปล่าของคุณและบนมือเท้าและอวัยวะเพศของคุณ
  • สัมผัสสารเคมีบางอย่างจากการทำงาน เช่นตัวทำละลายในการซักแห้ง
มะเร็งหลอดอาหารมีอาการอย่างไร?
อาการที่คุณจะสังเกตได้คือการกลืนอาหารลำบากและอาการอื่นๆได้แก่
  • ปวดคอหรือหลังหลังกระดูกหน้าอกหนึ่งระหว่างสะบัก
  • อาเจียนหรือไอเป็นเลือด
  • เสียงแหบหรือไอ เรื้อรัง
  • น้ำหนักลดผิดปกติ
การรักษามะเร็งหลอดอาหาร
แพทย์สามารถรักษามะเร็งหลอดอาหารได้อย่างไร?
    การรักษามะเร็งหลอดอาหารนั้นขึ้นอยู่กับระยะและระดับของมะเร็ง ว่าจะมีแนวทางรักษาอย่างไร?
  • วิธีการผ่าตัด เอาหลอดอาหารและเนื้อเยื่อรอบๆ ที่เป็นมะเร็ง บางส่วนหรือส่วนใหญ่ออก ศัลยแพทย์จะทำการดึงกระเพาะอาหารบางส่วนขึ้นมาที่อกและคอ
  • การรักษาด้วยการฉายรังสี เพื่อฆ่าหรือทำลายเซลล์มะเร็ง หรือใช้รักษาเพิ่มเติมก่อนหรือหลังผ่าตัด
  • เคมีบำบัดเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งหรือหยุดการเจริญเติบโต
  • การส่องกล้องเพื่อตัดเนื้องอกในเยื่อบุของหลอดอาหาร(EMR)
  • รักษาด้วยเลเซอร์ส่องกล้องเพื่อช่วยบรรเทาอาการเนื้องอกปิดกั้นหลอดอาหารของคุณทำให้การกลืนลำบาก
  • การบำบัดด้วยโฟโต้ไดนามิก(PDT) คือยาที่ไวต่อแสง เพื่อแสงจะได้กระตุ้นตัวยาเหล่านี้สร้างปฏิกิริยาทางเคมีไปฆ่ามะเร็ง
  • บำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน ยาเหล่านี้ช่วยฟื้นฟูการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อเซลล์มะเร็งในหลอดอาหาร
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่(Colon Cancer)
    เป็นมะเร็งที่เกิดที่ลำไส้ส่วนปลายของระบบทางเดินอาหารพบมากเป็นอันดับสามของมะเร็งชนิดอื่นและเป็นสาเหตุการตายอันดับสองที่พบในประเทศไทย โชคดีที่มีความก้าวหน้าในการตรวจหาและรักษาในระยะเริ่มต้นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักเป็นโรคที่รักษาได้หายมากที่สุดด้วยการตรวจคัดกรองที่หลากหลายสามารถตรวจหาและรักษาโรคได้ก่อนที่อาการปรากฏ
สาเหตุโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
     มะเร็งลำไส้ใหญ่เกือบทั้งหมดเริ่มต้นจากติ่งเนื้อซึ่งไม่ร้ายแรง(ไม่ใช่มะเร็ง)เติบโตในเนื้อเยื่อที่บุลำไส้ใหญ่และทวารหนักของคุณ มะเร็งจะพัฒนาเมื่อติ่งเนื้อเหล่านี้โตขึ้นแล้วเซลล์ผิดปกติจะพัฒนา และเริ่มบุกรุกเนื้อเยื่อรอบๆ โดยมีสาเหตุการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก ดังนี้
  • เกิดจากพันธุกรรม ได้รับการถ่ายทอดจากพ่อแม่ญาติพี่น้องปู่ย่าตายาย
  • ผู้ที่มีประวัติพบเนื้องอกในลำไส้พบว่ามีแนวโน้มเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
  • ผู้ที่มีภาวะลำไส้อักเสบเรื้อรัง
  • ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานมีโอกาสเป็นมะเร็งได้ง่าย
  • ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
  • ผู้ที่รับประทานอาหารไขมันสูงประเภทเนื้อสัตว์เนื้อแดงผ่านการปรุงสุกด้วยความร้อนมากเกินไป
  • รับสารพิษเข้าสู่ร่างกายและตกค้างในลำไส้พบสารพิษในอาหารประเภทปิ้งย่างอาหารหมักดองและสารเคมีจากผักที่ไม่สะอาด
  • ผู้ที่มีประวัติดื่มเหล้าสูบบุหรี่
  • ผู้ที่เป็นโรคอ้วนมี ดัชนีมวลกายเกินมาตรฐานมากกว่า 25 หรือมีรอบเอวมากกว่า 36 นิ้ว
อาการโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
  • ท้องอืดท้องผูกหรือท้องเสียสลับกับท้องผูก
  • มีเลือดปนอุจจาระหรือเลือดออกทางทวารหนัก
  • อุจจาระมีขนาดเล็กหรือบางลง
  • มีอาการจุกเสียดแน่นหรือปวดท้องบ่อยๆ
  • ซีดอ่อนเพลียน้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • อาจคลำเจอก้อนในช่องท้องด้านขวาตอนล่าง
  • ปวดเบ่ง บริเวณทวารหนักคล้ายปวดอุจจาระตลอดเวลา
การตรวจหาเพื่อรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
     ขึ้นอยู่กับการตรวจคัดกรอง หากได้รับการตรวจและพบเจอเร็วก็สามารถรักษาให้หายได้ดีกว่ากรณีส่วนใหญ่ของมะเร็งลำไส้ใหญ่ตรวจพบด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งจาก 4 วิธีต่อไปนี้
  • คัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป
  • คัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ที่มีประวัติครอบครัวหรือประวัติส่วนตัวเกี่ยวกับติ่งเนื้อหรือมะเร็งลำไส้
  • โดยการตรวจลำไส้ผู้ป่วยที่มีอาการ
  • จากการตรวจสุขภาพประจำปีพบเร็วก็เป็นโอกาสรักษาได้ดีที่สุด
ความสำคัญของการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
    มะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะเริ่มต้นส่วนใหญ่ไม่ก่อให้เกิดอาการซึ่งทำให้การตรวจคัดกรองมีความสำคัญเป็นพิเศษเมื่อมีอาการเกิดขึ้นมะเร็งอาจลุกลามไปมากอาการต่างๆได้แก่ มีเลือดปนอุจจาระ พฤติกรรมการขับถ่ายเปลี่ยนไป อุจจาระตีบ ปวดท้อง น้ำหนักลดหรือเหนื่อยตลอดเวลา
วิธีรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
  • ใช้การผ่าตัดเป็นวิธีที่ดีที่สุดหลังจากแพทย์พบชิ้นเนื้อในลำไส้จากการตรวจโดยวิธีส่องกล้องทางทวารหนักเมื่อพบว่ามีความจำเป็นต้องผ่าตัด
  • รักษาด้วยยาเคมีบำบัด
  • ด้วยการใช้ฉายแสง

  แนะนำผลิตภัณฑ์ ช่วยลดช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยลดกรดแก๊สในกระเพาะอาหาร และกรดไหลย้อน ล้างคราบไขมันตะกรันในลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ บรรเทาอาการริดสีดวงทวารหนัก ลดอาการท้องผูก มีสารต้านอนุมูลอิสะ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารเป็นปกติ
(คำเตือนการใช้ยา ผู้บริโภคควรศึกษาข้อมูลของผลิตภัณฑ์ รายละเอียด ข้อห้ามต่างๆ ก่อนใช้ยา)

Phytovy -ไฟโตวี่ – ผลิตภัณฑ์เสริมใยอาหาร ช่วยขับของเสีย
คุณสมบัติ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไฟโตวี่ เสริมใยอาหาร ดีต่อระบบขับถ่าย
ล้างสารพิษในลำไส้ และช่วยควบคุมน้ำหนัก
-ช่วยเพิ่มใยอาหารให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น-ช่วยขับของเสียและไขมัน
ออกจากลำไส้
-ช่วยให้ลำไส้ดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น-ช่วยย่อยอาหาร ช่วยขับ
สารพิษในลำไส้ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด
-ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
วิธีรับประทาน
ละลายผลิตภัณฑ์ 1 ซอง ในน้ำอุณหภูมิธรรมดาหรือน้ำเย็น
120-150 มล. ใช้ช้อนคนให้ละลาย
คำเตือน อ่านคำเตือนบนฉลากก่อนบริโภค
กล่องใหญ่ขนาดบรรจุ 18 กรัม x 15 ซอง
กล่องเล็กขนาดบรรจุ 18 กรัม x 7 ซอง
เลขที่อย. 13-1-15859-5-0046
 
ไฟโต ไฟเบอร์ คลีนซ์ ผลิตภัณฑ์ ดีท็อกซ์ ล้างลำไส้ด้วยใยอาหาร
คุณสมบัติ
ผลิตภัณฑ์ ดีท็อกซ์ ล้างลำไส้ด้วยใยอาหาร ผลิตจากธรรมชาติ 100%
ทำความสะอาดตั้งแต่ลำไส้เล็กจนถึงลำไส้ใหญ่ 
1ซอง เท่ากับ ผัก 6 กิโล(ครั้งละ 1 ซอง) เห็นผลภายใน 8-12 ชั่วโมง
ประโยชน์ของใยอาหาร
-ช่วยลดกรดแก๊สในกระเพาะอาหาร และกรดไหลย้อน
-ล้างคราบไขมันตะกรันในลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่
-บรรเทาอาการริดสีดวงทวารหนัก ลดอาการท้องผูก
-มีสารต้านอนุมูลอิสะ
-ช่วยให้ระบบย่อยอาหารเป็นปกติ
-มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้
-ลดไขมันในหลอดเลือด
-เป็นการ "ลดน้ำหนักด้วยวิธีธรรชาติ"
-ช่วยลดปริมาณสารพิษในร่างกาย
-ช่วยให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดอยู่ในระดับปกติ
วิธีดื่ม
-ใส่น้ำเย็นในแก้วเช็ค ประมาณ 200 cc
-ฉีกซองเทใส่ ปิดฝาเขย่า 5 ครั้ง
-เปิดฝาออกแล้วดื่มทันที ดื่มน้ำเปล่าตาม 1 แก้ว
เมื่อถึงเวลา 8-12 ชม. ขับถ่ายให้สังเกตุจะพบว่า ขับถ่ายได้คล่องขึ้น
อาจมีเศษกากอาหารที่สะสมในลำไส้ หลุดออกมาเป็นคราบดำๆ
คราบไขมัน ตะกรัน ส่งกลิ่นแรง ให้ดื่มใยอาหารในวันต่อๆไป.
 โรคมะเร็งตับ(Liver Cancer)
เป็นมะเร็งที่เติบโตเร็วที่สุดและเป็นมะเร็งที่คุกคามชีวิตมากที่สุดชนิดหนึ่ง มะเร็งตับแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ
  • ระยะเริ่มแรก โดยเริ่มที่บริเวณตับของคุณ
  • ระยะทุติยภูมิ เป็นมะเร็งที่แพร่กระจายจากตับของคุณไปยังอวัยวะส่วนอื่น ของร่างกาย
หากพบมะเร็งแพร่ในระยะเริ่มแรกสามารถทำการรักษามะเร็งตับระยะเริ่มต้นได้ แล้วมีอะไรบ้างที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งตับ
สาเหตุหลักของมะเร็งตับ (HCC) คืออะไร?
  มะเร็งตับเกิดขึ้นเมื่อมีอะไรบางอย่างส่งผลกระทบต่อ DNA ของเซลล์ตับที่แข็งแรง DNA มียีนที่บอกเซลล์ ให้เจริญเติบโต เพิ่มจำนวนและตายเมื่อไหร่ และยังมียีนอื่นที่เรียกว่ายีนต้านมะเร็ง คอยตรวจสอบการทำงานของเซลล์ป้องกันไม่ให้เซลล์เพิ่มจำนวนอย่างควบคุมไม่ได้และทำให้เซลล์ตายเมื่อมันควรตาย แต่เมื่อดีเอ็นเอของเรากลายพันธุ์หรือการเปลี่ยนแปลงเซลล์ของเราจะได้รับคำสั่งใหม่ ใน HCC ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อ DNA ที่จะเปิดยีนก่อมะเร็งและปิดยีนต้านมะเร็ง มีการศึกษาที่เห็นว่าโรคตับแข็งเกี่ยวข้องกับโรคไวรัสตับอักเสบบี(HBV)และโรคไวรัสตับอักเสบซี (HCV)มีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของกรณีทั้งหมดเมื่อไวรัสเหล่านี้ติดเชื้อในเซลตับเซลที่แข็งแรง จะกลายเป็นเซลมะเร็ง
อาการโรคมะเร็งตับ
   เมื่อมะเร็งตับอยู่ระยะเริ่มต้นคุณอาจไม่มีอาการใดๆเลยโรคมะเร็งตับ (HCC) และมะเร็งท่อน้ำดีในตับ (IHC) มีอาการคล้ายคลึงกัน
  • มีก้อนใต้ที่ท้องหรือปวดท้องด้านขวาหรือปวดใกล้ไหล่
  • ผิวหนังและตาเหลือง(โรคดีซ่าน)
  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุคลื่นไส้หรือเบื่ออาหาร
  • รู้สึกเหนื่อยล้า
  • ปัสสาวะสีเข้ม
การรักษาโรคมะเร็งตับ
สำหรับวิธีรักษาโรคมะเร็งตับ (HCC) และมะเร็งท่อน้ำดีในตับ (IHC) รวมถึงการผ่าตัดเพื่อเอาตัดบางส่วนออกเพื่อปลูกถ่ายตับและรักษาตับโดยตรงเช่นการอุดหลอดเลือดแดงในตับ หรือใช้เคมีบำบัด embolizationรังสีบำบัดกัมมันตภาพรังสี ภูมิคุ้มกันบำบัด และการรักษาแบบกำหนดเป้าหมาย
การป้องกันโรคมะเร็งตับ
มะเร็งตับไม่สามารถป้องกันได้แต่สามารถลดโอกาสเป็นมะเร็งตับได้ด้วยวิธีเหล่านี้
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมนำไปสู่โรคตับแข็ง
  • รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • รับวัคซีนตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบเอและหลีกเลี่ยงไวรัสตับอักเสบซี
  • ถ้าคุณมีโรคตับ โรคเบาหวาน โรคอ้วนหรือการดื่มหนัก ควรรับการตรวจคัดกรองมะเร็งตับ
โรคตับแข็ง(Liver Cirrhosis)
      เป็นโรคตับระยะสุดท้าย โดยตับได้รับความเสียหายอย่างถาวรเนื้อเยื่อเป็นแผลทำให้ตับของคุณทำงานผิดปกติ   โรคและสภาวะต่างๆของตับ ทำลายเซลตับที่แข็งแรงทำให้เซลตับตายและเกิดการอักเสบทำให้เกิดซ่อมแซมเซลตับและในที่สุดก็เกิดแผลเป็นจากเนื้อเยื่ออันเป็นผลจากกระบวนการซ่อมแซม เนื้อเยื่อแผลไปขัดขวางการไหลเวียนเลือดผ่านตับ ทำให้ตับไม่สามารถแปรรูป สารอาหาร ฮอร์โมนยา และสารพิษ ตามธรรมชาติได้ช้าลงนอกจากนี้ยังลดการผลิตโปรตีนและสารอื่นๆที่สร้างโดยตับโรคตับแข็งทำให้ตับทำงานผิดปกติในที่สุดโรคตับแข็งระยะสุดท้ายเป็นอันตรายถึงชีวิต
สาเหตุอะไร?บ้างที่ทำให้คุณมีแนวโน้มเป็นโรคตับแข็ง
  • ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำหลายปี
  • มีไวรัสตับอักเสบ
  • เป็นเบาหวาน
  • เป็นโรคอ้วน
  • มีประวัติโรคตับ
  • ฉีดยาโดยใช้เข็มร่วมกัน
  • มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
โรคตับแข็งเกิดจากอะไร?สาเหตุส่วนใหญ่คือ
  • เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ เรื้อรัง เป็นเวลานาน
  • ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเรื้อรังไวรัสตับอักเสบบีและ ไวรัสตับอักเสบซี
  • ไขมันพอกตับเกี่ยวกับโรคอ้วนและเบาหวาน
  • โรคตับอักเสบจากภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง (ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายคุณโจมตีเนื้อเยื่อตับที่แข็งแรงทำให้เกิดความเสียหาย)
  • โรคที่ทำลายหรือปิดกั้นท่อน้ำดีในตับไปยังส่วนอื่นๆของระบบย่อยอาหาร(น้ำดีมีหน้าที่ช่วยย่อยไขมัน)
  • ท่อน้ำดีอักเสบ ปฐมภูมิ (ท่อน้ำดีได้รับบาดเจ็บอักเสบและเสียหายอย่างถาวร)
  • ท่อน้ำดีอุดตัน(อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ)
  • ทางเดินน้ำดีตีบตัน(ทารกเกิดมาพร้อมกับท่อน้ำดีที่มีรูปร่างไม่ดีหรืออุดตันทำให้เกิดความเสียหายเกิดแผลเป็นสูญเสียเนื้อเยื่อตับและเป็นโรคตับแข็ง)
  • ภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรังทำให้เกิดของเหลวข้างในตับบวมที่บริเวณอื่นๆของร่างกายและอาการอื่นๆ
  • โรคที่พบไม่บ่อยเช่นโรคอะไมรอยดูสีชื่อเมลการสะสมของโปรตีนผิดปกติเรียกว่าอะไมรอยในตับจะขัดขวางการทำงานของตับตามปกติ
การเปลี่ยนแปลงจากโรคตับนำไปสู่โรคตับแข็งจะเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไปเซลตับได้รับบาดเจ็บจากสาเหตุใดก็ตามเซลตับจะเริ่มตายเมื่อเวลาผ่านไปเนื้อเยื่อที่มาแทนที่เซลตับที่เสียหายจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
โรคตับแข็งมีอาการอย่างไร?
     อาการของโรคตับแข็งขึ้นอยู่กับระยะของโรคในตอนเริ่มต้นคุณอาจไม่มีอาการใดๆเลย หรือบางคนมีอาการทั่วไปทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นอาการของโรคการเจ็บป่วยอื่นๆได้
อาการเริ่มต้นของตับแข็งได้แก่
  • รู้สึกเบื่ออาหาร
  • รู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย
  • คลื่นไส้
  • มีไข้
  • น้ำหนักลดแบบไม่ทราบสาเหตุ
เมื่อการทำงานของตับแย่ลงอาการอื่นๆของโรคตับแข็งจะปรากฏขึ้นได้แก่
  • ช้ำและเลือดออกง่าย
  • เป็นดีซ่าน ผิวหนังและตาขาวมีลักษณะโทนสีเหลือง
  • คันผิวหนัง
  • อาการบวม( บวมน้ำ )ที่ขาเท้าและข้อเท้า
  • ของเหลวสะสมอยู่ในช่องท้องของคุณ
  • ปัสสาวะมีสีน้ำตาลหรือสีส้ม
  • อุจจาระสีอ่อน
  • เลือดในอุจจาระ
  • รอยแดงบนฝ่ามือของคุณ
  • เส้นเลือดครั้งหนึ่งมุมที่ล้อมรอบจุดแดงเล็กๆบนผิวหนังของคุณ
  • สับสน คิดลำบาก ความจำเสื่อม บุคลิกภาพเปลี่ยนไป
  • นายผู้ชายสูญเสียความต้องการทางเพศหน้าอกขยายใหญ่ขึ้นลูกอัณฑะหดตัว
  • ในผู้หญิงหมดประจำเดือนก่อนวัยอันควรไม่มีประจำเดือนเองต่อไป
โรคตับแข็งรักษาได้หรือไม่?
ไม่มีวิธีรักษาโรคตับแข็ง เพราะความเสียหายเกิดกับตับคุณอย่างถาวร แต่อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริงของการเป็นโรคตับแข็งคุณอาจกระทำบางอย่างได้เพื่อป้องกันไม่ให้โรคตับแข็งแย่ลงควรปฏิบัติดังนี้คือ
  • หยุดดื่มแอลกอฮอล์
  • รักสาโรคตับอักเสบเรื้อรัง
  • หลีกเลี่ยงยาที่ทำให้ตับเครียด
  • รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพรักษาสมดุลย์มีไขมันต่ำเช่น อาหารเมดิเตอร์เรเนียน
เป้าหมายของการรักษาโรคตับแข็งคืออะไร?
  • ชะลอความเสียหายต่อตับคุณ
  • ป้องกันและรักษาอาการ
  • ป้องกันและรักษาสภาวะแทรกซ้อน
โรคตับแข็งรักษาอย่างไร?
การรักษาขึ้นอยู่กับ สิ่งที่ทำให้เกิดโรคตับแข็งและความเสียหายที่เกิดขึ้นแม้ว่าไม่มีวิธีรักษาโรคตับแข็งแต่ก็สามารถชะลอหรือหยุดการดำเนินของโรคและลดสภาวะแทรกซ้อนได้
การรักษาสาเหตุของตับแข็งดังนี้
  • โรคตับจากแอลกอฮอล์ : งดดื่มแอลกอฮอล์หรือเข้ารับการบำบัดหากคุณติดแอลกอฮอล์
  • ไวรัสตับอักเสบบี หรือ ซี : มียาต้านไวรัสหลายชนิดที่ได้รับอนุมัติเพื่อใช้รักษาโรคตับอักเสบชนิดบีและซี
  • โรคไขมันพอกตับที่ไม่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ : รักษาด้วยการลดน้ำหนักรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ออกกำลังกายและปฏิบัติตามคำแนะนำการจัดการโรคเบาหวาน
  • โรคตับอักเสบจากแพ้ภูมิต้านทานตนเอง: การรักษารวมถึงการใช้ยาเพื่อกดภูมิคุ้มกันของคุณ
  • โรคที่ทำลายหรืออุดตันท่อน้ำดีในตับ : การรักษารวมถึงการใช้ยาเช่น เออร์โซไดออล(Actigall)หรือการผ่าตัดเพื่อเปิดท่อน้ำดีที่ตีบและอุดตัน
  • เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจล้มเหลว: การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุและระยะของสภาวะหัวใจล้มเหลวของคุณ ใช้ยารวมถึงยารักษาความดันโลหิตสูงให้ลดลง เพื่อขจัดของเหลวส่วนเกิน(บวมน้ำ)ออกจากร่างกายของคุณปรับปรุงการทำงานของหัวใจ โดยการรักษาอื่นๆเช่น การฝั่งอุปกรณ์ผู้ช่วยสูบฉีดเลือดหรือติดตามจังหวะการเต้นของหัวใจ  การผ่าตัดเพื่อคลายการอุดตัน ของหลอดเลือดแดงหรือเปลี่ยนหรือซ่อมแซมลิ้นหัวใจการผ่าตัดปลูกถ่ายการเปลี่ยนหัวใจของคุณ
  • ยาที่ใช้อาจมีส่วนทำให้เกิดโรคตับแข็ง: ควรพิจารณายาที่คุณทานเป็นประจำว่าก่อให้เกิดปัญหากับตับของคุณหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นให้หยุดยา ลดปริมาณยาลง หรือเปลี่ยนตัวยาอื่นหากเป็นไปได้
 แนะนำผลิตภัณฑ์อาหารเสริม สมุนไพร บำรุงตับ ช่วยบำรุงและขับสารพิษออกจากตับ ช่วยคุณป้องกันและช่วยฟื้นฟูเซลล์ตับ ช่วยป้องกันความบกพร่องของระบบการทำงานของตับ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่จับกับโลหะหนักที่เป็นพิษต่อตับได้ดี ช่วยลดการทำลายเนื้อตับจากการรับประทานยาต่างๆหลายชนิด
(คำเตือนการใช้ยา ผู้บริโภคควรศึกษาข้อมูลของผลิตภัณฑ์ รายละเอียด ข้อห้ามต่างๆ ก่อนใช้ยา)
Livital ลิไวทอล 30 เม็ด สมุนไพรสกัด บำรุงตับ สูตรเข้มข้น
ข้อบ่งใช้/สรรพคุณ
Livital ลิไวทอล 1 กระปุก 30แคปซูล
เข้มข้นด้วย 8 สมุนไพร + 4 วิตามิน
ช่วยกระตุ้นเอนไซม์ในตับเพื่อการกำจัดสารพิษได้ดี
ช่วยป้องกันตับจากพังผืดและตับแข็ง
มีสารอาหารที่เหมาะสมสำหรับการบำรุงตับ
ป้องกันไม่ให้ไขมันไปสะสมที่ตับ
ป้องกันการเกิดไขมันพอกตับ
ช่วยป้องกันโรคตับแข็ง ตับอักเสบ ตับติดเชื้อ
เป็นสาเหตุของมะเร็งตับ
หมายเลข อย. 50-2-05959-5-0031
 
Mega We Care D Toxi เมก้า วี แคร์ ดีท็อกซี่ บำรุงตับ
ข้อบ่งใช้/สรรพคุณ
ช่วยบำรุงและขับสารพิษออกจากตับ
ช่วยคุณป้องกันและช่วยฟื้นฟูเซลล์ตับ
ช่วยป้องกันความบกพร่องของระบบการทำงานของตับ
ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
ทำหน้าที่จับกับโลหะหนักที่เป็นพิษต่อตับได้ดี
ช่วยลดการทำลายเนื้อตับจากการรับประทานยาต่างๆหลายชนิด
 
VISTRA LIVOTOX วิสทร้า ลิโวท็อกซ์
ส่วนประกอบ
ส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 แคปซูล ประกอบด้วย
เลซิติน 858.00 มก.
สารสกัดแดนดิไลออน 50 มก.
แอล-กลูตาไธโอน 25 มก.
ไนอะซินาไมด์ 20 มก.
ซิงค์ ซิเตรท ไตรไฮเดรท (ให้ซิงค์ 5 มก.) 16.13 มก.
วิตามิน บี 6 2.0 มก.
วิตามิน บี 12 (0.1%) (ให้วิตามินบี12 2 มคก.) 2.0 มก.
วิตามิน บี 2 1.7 มก.
วิตามิน บี 1 1.5 มก.
ข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร
มีเลซิตินจากถั่วเหลือง
วิธีการรับประทาน
รับประทานวันละ 1 แคปซูล พร้อมมื้ออาหาร
เลขสารระบบอาหาร
อย 13-1-00449-5-0051
โรคถุงน้ำดีอักเสบ (ไดเวอร์ติคูโลซิส)
   โรคเกี่ยวกับผนังหลอดเลือดเป็นเรื่องปกติมากและเกิดขึ้น 10% ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีแล้ว 50% ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี
สาเหตุ
มักเกิดจากการกินอาหารหยาบไฟเบอร์น้อยเกินไป โรคผนังลำไส้อักเสบบางครั้งสามารถพัฒนาลุกลามไปสู่โรคถุงผนังลำไส้อักเสบได้ สภาวะแทรกซ้อนของโรคถุงผนังลำไส้เกิดขึ้น 10% ของผู้ที่มีถุงน้ำคร่ำที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบ มีเลือดออกและมีการอุดตัน
อาการ
โรคนี้จะมีการพบถุงลมขนาดเล็กก่อตัวขึ้นบนผนังกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่ซึ่งเกิดขึ้นในบริเวณที่ ผนังลำไส้อ่อนแอมักเกิดในลำไส้ใหญ่ส่วนซิกมอยด์ ซึ่งเป็นบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนล่างที่มีความดันสูง
การรักษา
โรคถุงผนังลำไส้อักเสบรวมถึงการรักษาอาการท้องผูกบางครั้งต้องใช้ยาปฏิชีวนะหากอาการรุนแรงจำเป็นต้องมีการผ่าตัดเป็นทางเลือกสุดท้ายของผู้ที่มีสภาวะแทรกซ้อนเพื่อเอาส่วนที่เป็นโรคของลำไส้ใหญ่ออก
ริดสีดวงทวาร
ริดสีดวงทวารคือเส้นเลือดโป่งพองมันคือเส้นเลือดที่บวมอยู่บริเวณช่องทางทวารหนักของคุณ
สาเหตุ
มาจาก เกิดจากใช้แรงดันเกินในการเบ่งอุจจาระเป็นประจำ ท้องเสียอย่างต่อเนื่องหรือตั้งครรภ์ริดสีดวงทวารมีสองประเภทภายในและภายนอก
อาการ
ริดสีดวงภายใน: เกิดจากหลอดเลือดที่อยู่ภายในช่องทวารหนักของคุณ เมื่อตกลงไปในทวารหนักเป็นผลมาจากการรัดทำให้รู้สึกหงุดหงิดและมีเลือดออกในที่สุด ริดสีดวงทวารหนักภายใน สามารถร่วงลงมามากพอที่จะย้อย จมหรือติดออกจากทวารหนักได้
ริดสีดวงภายนอก: เกิดจากเส้นเลือดที่อยู่ภายใต้ผิวหนังด้านนอกของทวารหนักบางครั้งหลังจากการรัดเส้นเลือดริดสีดวงทวารภายนอกจะแตกออกและเกิดลิ่มเลือดใต้ผิวหนังสภาพที่เจ็บปวดว่านี้เรียกว่า”กอง”
การรักษา
  • ปรับปรุงนิสัยการขับถ่าย เช่นหลีกเลี่ยงอาการท้องผูก ไม่เบ่งระหว่างการขับถ่าย
  • เข้ารับการรักษาโดยใช้แถบรัดเพื่อกำจัดหลอดเลือด
  • เข้าการรักษาเพื่อผ่าตัดเอาริดสีดวงที่มีขนาดใหญ่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเรื้อรัง
โรคระบบทางเดินอาหารป้องกันได้หรือไม่?
การดูแลรักษาสุขภาพ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ฝึกนิสัยการขับถ่ายที่ดีและตรวจคัดกรองมะเร็งเป็นประจำสามารถช่วยป้องกันและ ลดอัตราการเสี่ยงเป็นโรคระบบทางเดินอาหารได้
สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงโดยเฉลี่ยที่อายุ 45 ปีขึ้นไปแนะนำให้เข้ารับการตรวจส่องกล้องลำไส้ใหญ่ หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือติ่งเนื้อ ตอนอายุเท่าไหร่เราควรรีบตรวจก่อนหน้านั้น 10 ปีเช่น(ถ้าพ่อเรามีประวัติได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือติ่งเนื้อตอนอายุ 45 เราควรเริ่มตรวจ ส่องกล้องลำไส้ใหญ่ ตอนอายุ 35)
หากคุณมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อได้รับการตรวจเช็คอาการว่าของคุณเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักหรือเปล่า?
  • นิสัยการขับถ่ายผิดจากปกติ
  • มีเลือดปนในอุจจาระ สีดำหรือสีซีด
  • ปวดท้องผิดปกติหรือมีแก๊ส
  • อุจจาระแคบมาก
  • ความรู้สึกลำไส้ไม่ได้ระบายออกอย่างสมบูรณ์หลังจากถ่ายอุจจาระ
  • น้ำหนักลดที่หาสาเหตุไม่ได้
  • รู้สึกเหนื่อยล้า
  • โรคโลหิตจาง(จำนวนเม็ดเลือดต่ำ)
สเปรย์ริดสีดวง มนตรา คนท้องใช้ได้ ให้นมน้องใช้ได้
สเปรย์ริดสีดวง นวัตรกรรมใหม่ ใช้งานง่าย พกสะดวก ออกฤทธิ์ไว
ลองมาหลายวิธีแล้วไม่เห็นผล ให้เราเป็นทางออก
ต้องมาทนทรมาณกับอาการเหล่านี้...
- มีติ่งโผล่ บวม แดง
- เจ็บ ปวด แสบ ทรมาณ
- มีเลือดออก ติดเชื้อ มีน้ำหนองไหล
- หูรูดทวารหนักไม่ดี ขับถ่ายยาก
อีกหนึ่งทางเลือกของคน
❌ไม่อยากผ่าตัด ❌ไม่อยากพบหมอ ❌ไม่อยากจ่ายแพง
สารสกัดธรรมชาติ ปลอดภัย คนท้องใช้ได้ ให้นมน้องใช้ได้
ข้อมูล สเปรย์ริดสีดวง Montra
1 ขวด พ่นได้มากกว่า 200 ครั้ง
วิธีใช้
-พ่นหลังอาบน้ำเสร็จช่วยเช้า
-พ่นหลังอาบน้ำเสร็จช่วยเช้า
-พ่นหลังจากขับถ่าย
 
ริดสีดวง-ฮีโมรัล-Hemoral : ออกฤทธิ์เร็ว สมุนไพร 100%
รายละเอียดสินค้า
- ฮีโมรัล เห็นผลจริงริดสีดวง !หายได้ด้วย 3 กลไก :
1. หยุดเลือด
2.แก้ติ่งบวม
3.ช่วยให้อุจจาระนุ่ม(ขับถ่ายง่าย)
ผลิตจากสมุนไพรธรรมชาติด้วยประสบการณ์ยาวนาน 60 ปี
บรรเทาริดสีดวงอย่างได้ผลบรรจุ 60 capsules/ขวด
วิธีใช้ : รับประทานครั้งละ 2 capsules วันละ 2-4 ครั้ง
ก่อนอาหารและก่อนอนผ่านการฆ่าเชื้อด้วยรังสีแกรมม่า
เลขทะเบียน G 358/55
 
เพชรสังฆาต ยาริดสีดวงทวาร บรรจุ 100 แคปซูล
สรรพคุณ
• ช่วยให้หัวริดสีดวงทวารยุบฝ่อลง เลือดไม่ออก ขับถ่ายง่ายไม่เจ็บปวด
• ช่วยรักษาพร้อมกันทั้งภายในและภายนอก จึงได้ผลดีกว่ายาอื่น
ทำให้ไม่ต้องผ่าตัด ใช้ได้ทั้งที่เริ่มเป็นและเป็นเรื้อรังมานาน
• ช่วยป้องกันการลุกลามของอาการส่วนประกอบโกฐน้ำเต้า 200 กรัม
โกฐพุงปลา 200 กรัม
วิธีใช้
รับประทานครั้งละ 2-3 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้า-เย็น
บรรเทาโรคริดสีดวงทวาร (เลือดหยุดไหล ทำให้ฝ่อ หล่อลื่นระบาย)
ลดการปวดอักเสบ ทำให้หัวริดสีดวงฝ่อริดสีดวง
 
  ยังมีโรคระบบทางเดินอาหารประเภทอื่นๆอีกมากมายเราได้ยกตัวอย่างเพียงบางส่วน ของโรคระบบทางเดินอาหารแต่ไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคนิ่ว  ภาวะกลั้นอุจจาระไม่ได้  แพ้แลคโตส ผังผืดในช่องท้อง ไส้ติ่งอักเสบ อาหารไม่ย่อยลำไส้อุดตัน และอื่นๆ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้